RSV เป็นไวรัสที่ชื่อว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจได้ทุกวัย โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี หรือ ผู้สูงอายุ จะติดต่อกันได้ง่ายและอาจมีอาการรุนแรง ส่วนมากตัวเชื้อไวรัสนี้จะลงไปที่หลอดลมฝอย หรือลงไปที่ตัวเนื้อปอด ทำให้เป็นปอดอักเสบ หรือเป็นหลอดลมฝอยอักเสบ สิ่งที่อันตรายที่จะต้องระวัง เชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อกันง่าย ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ โดยไวรัสเข้าสู่ร่างกายผ่านทาง ตา จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ แพร่กระจายได้ง่าย ผ่านการไอหรือจาม
ผลเสียจาก RSV ที่กระทบต่อระบบทางเดิมหายใจ
- อาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบติดเชื้อ
- ต้องเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู
- ระบบหายล้มเหลว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
เชื้อไวรัส RSV มักจะระบาดช่วงไหน
ช่วงที่ระบาดจะเป็นช่วงฤดูฝน ต่อเนื่องถึงช่วงต้นฤดูหนาว
เมื่อติดเชื้อ RSV จะมีอาการอย่างไร
* มีไข้สูง 39-40 องศา ติดต่อกันหลายวัน
* มีน้ำมูก ลักษณะของน้ำมูกจะมีความเหนียวมาก คล้ายกาว
* ไอเยอะ ไอแบบมีเสมหะมาก
* หายใจครืดคราด บางรายอาจจะมีอาการหายใจเร็ว หรือหายใจแรง
* มีอาการหอบเหนื่อย
* บางรายเด็กอาจจะปากหรือตัวซีดเขียว ซึ่งเป็นภาวะที่ควรต้องรีบไปพบแพทย์โดยทันที
ความรุนแรงของ RSV ขึ้นกับอะไร
- อายุ
- โรคประจำตัว
- ภาวะเสี่ยง เช่น เด็กที่คลอดก่อนกำหนด ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว
RSV กับไข้หวัดต่างกันอย่างไร
RSV คล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่แตกต่างกันตรงที่ RSV จะไข้สูง และระยะเวลาในการเป็นจะนานกว่าไข้หวัดธรรมดา อาจจะมีอาการอยู่ที่ 5-7 วัน ไอนาน มีน้ำมูกเยอะ มีเสมหะมากกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลคือ ในเด็กหรือผู้สูงอายุหากมีน้ำมูกเยอะ หรือเสมหะเยอะ บางครั้งไม่สามารถเอาออกเองได้ จะมีอาการหายใจลำบาก
ทำอย่างไรไม่เป็น RSV
- หากต้องออกนอกบ้าน ควรใส่หน้ากากอนามัยให้เป็นนิสัย นอกจากจะป้องกันเชื้อไวรัส RSV ได้แล้ว ยังสามารถป้องกัน COVID19 ฝุ่น 5 และโรดติดเชื้อต่างๆ ได้อีกด้วย น
- ระมัดระวังเรื่องความสะอาด และป้องกันการติดเชื้อ ก่อนจะให้ใครจับตัวเด็ก ควรให้ล้างมือ ฟอกสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ใหญ่ที่ไปทำงานนอกจาก อาจจะเป็นพาหะที่นำเชื้อจากนอกบ้านมาติดเด็กได้ เพราะฉะนั้นเมื่อออกไปนอกบ้านก่อนจับตัวหรือเล่นกับลูกหลาน ควรอาบน้ำให้สะอาด
- หลีกเลี่ยงอย่าคลุกคลี กับคนที่มีอาการหวัด ไอ จาม หรือมีน้ำมูก ควรอยู่ห่างประมาณ 90 ซม.
- ทำความสะอาดของเล่น หรือคอกเล่น หรือที่นอนของลูกบ่อย ๆ
- หลีกเลี่ยงไม่ไปสถานที่แออัด เน้นพาไปสถานที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการจับสิ่งของสาธารณะต่าง ๆ หากจับต้องรีบล้างมือ
- หลีกเลี่ยงสถานทีที่เป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย เช่น เนอสเซอรี่ แหล่งที่มีเด็กอยู่รวมกันหลาย ๆ คน เช่น บ้านบอล หรือสนามเด็กเล็น ถ้าช่วงเป็นช่วงที่โรคนี้ระบาด ก็ควรหลีกเลี่ยง
- ให้ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่
- ให้กินอาหารที่ดี มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ
- ถ้าป่วยควรให้หยุดเรียนหรทอหยุกงาน
- สังเกตอาการ หากมีไข้สูง หายใจลำบาก มีน้ำมูก หรือเสมหะมากผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
การรักษาเมื่อเป็น RSV
ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวัคซีนที่จะรักษา RSV ที่โดยตรง คุณหมอจะรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ แก้ไข ละลายเสมหะ หรือบางรายที่มีเสมหะเหนียวมาก อาจต้องพ่นยาขยายหลอดลมผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอด และดูดเสมหะออก เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการไอ และอาการหายใจหอบเหนื่อยได้ นอกจากนี้แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เสมหะเหนียวและเชื้อไวรัสจะได้ไม่ลงปอด
การตรวจหาเชื้อ RSV
เชื้อไวรัส RSV สามารถตรวจได้ด้วยการ Swab หลังโพรงจมูก และทำการทดสอบหาเชื้อ RSV ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 15-20 นาที ก็สามารถรู้ได้ว่าติดเชื้อ RSV หรือไม่
#ตรวจหาเชื้อRSV#บางจากคลินิกเวชกรรม ยินดีให้บริการค่ะ